พลับเป็นไม้ผลชนิดหนึ่งที่มูลนิธิโครงการหลวงส่งเสริมให้เกษตรกรชาวเขาปลูกเป็นอาชีพอย่างแพร่หลาย ปัจจุบันเป็นไม้ผลเศรษฐกิจที่สำคัญเนื่องจากมีศักยภาพทางการตลาด และเหมาะสมสำหรับปลูกบนพื้นที่สูงมาก 1. การปลูกพลับในประเทศไทย ประเทศไทยเริ่มปลูกพลับมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2470 แต่การปลูกพลับเป็นการค้าเริ่มจากมูลนิธิโครงการหลวงร่วมกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ นำ พลับพันธุ์ต่างๆ มาทดลองปลูกเมื่อปี พ.ศ. 2512 ที่สถานีวิจัยดอยปุย จ. เชียงใหม่ และประสบความสำเร็จ สามารถปลูกเป็นการค้าได้ 2. ลักษณะทั่วไปของพลับ พลับเป็นไม้ผลเขตกึ่งร้อนชนิดผลัดใบ ทรงต้นขนาดใหญ่ เมื่อโตเต็มที่มีความสูง ถึง 12 เมตร ทนต่อความแห้งแล้งได้ดี ผลอ่อนมีสีเขียว เมื่อผลแก่จะเปลี่ยนเป็นสีเหลือง และสีแดงอมส้ม ตามลำดับ 3. ชนิดและพันธุ์ของพลับ โดยทั่วไปแบ่งพลับออกเป็น 2 ประเภท คือ 3.1 พลับฝาด เป็นพลับที่ต้องผ่านกรรมวิธีขจัดความฝาดจึงจะรับประทานได้ ได้ แก่ พันธุ์ พี 2 ( Xichu ) ฮาซิยา ( Hachiya ) และ โทเนวาเช่ ( Tone Wase ) เป็นต้น 3.2 พลับหวาน เป็นพลับที่มีรสหวานกรอบและไม่ฝาดสมารถรับประทานได้เลย ไม่ต้องผ่านกรรมวิธีขจัดความฝาดได้แก่ พันธุ์ ฟูยู ( Fuyu ) จิโร ( Jiro ) อิซึ ( Izu ) และ เฮียะคุเมะ ( Hyakkume ) 4. สภาพพื้นที่ละสภาพภูมิอากาศที่เหมาะสม พื้นที่ปลูกต้องสูงจากระดับน้ำทะเล มากกว่า 800 - 1,000 เมตรขึ้นไป ปลูกได้ดิน ทุกประเภทแต่ที่เหมาะสม คือ ดินร่วนปนทราย ในสภาพเป็นกรดอ่อนๆ และพ้นที่ปลูกไม่ควรมีลมแรงเพราะจะทำให้ผิวผลพลับมีตำหนิ 5. การขยายพันธุ์และการผลิตต้นกล้า การขยายพันธุ์และการผลิตต้นกล้า สามารถทำได้ดังนี้ 5.1 การเพาะเมล็ด พลับพันธุ์ที่ใช้เป็นต้นตอ ได้แก่ ต้นเต้าชื่อ ( D. lotus ) และต้นกล้วยฤาษี ( D.glandulosa ) เมล็ดพลับต้นตอที่เก็บจากต้นสามารถเพาะได้ทันที ส่วนเมล็ดที่เก็บไว้นานจะพักตัว ต้องแช่เมล็ดในตู้เย็นประมาณ 1-2 เดือน ก่อนนำมาเพาะ 5.2 การเปลี่ยนยอด ทำได้หลายวิธี เช่นการเสียบยอด การเสียบข้าง การติดตา เป็นต้น สามารถทำได้ทั้งในเรือนเพาะชำและในแปลงปลูก แต่นิยมทำในแปลงปลูกมากกว่าช่วงเวลาเปลี่ยนยอดที่เหมาะสมคือ เดือน ธันวาคม 6. การปลูกและการดูแลรักษา 6.1 การปลูกพลับ ระยะปลูกที่เหมาะสมคือ 6 × 6 หรือ 8× 8 เมตร หลุมปลูกควรมีขนาดไม่น้อยกว่า 0.7 × 0.7 × 0.7 เมตร รองก้นหลุมด้วยปุ๋ยหมัก หรือปุ๋ยคอก ช่วงการปลูกที่เหมาะสม คือ ต้นฤดูฝน 6.2 การจัดทรงต้น การจัดทรงต้นต้องทำตั้งแต่ต้นพลับยังเล็ก และทำเป็นประจำทุกปี โดยทำการตัดยอดในช่วงพักตัวและเมื่อต้นพ้นจากพักตัวในเดือน มีนาคม ต้นพลับจะแตกกิ่งเลือกกิ่งที่สมบูรณ์ 3-4 กิ่ง เพื่อให้เป็นกิ่งโครงสร้าง 6.3 การตัดแต่งกิ่ง ทำในฤดูหนาว ช่วงที่ต้นพลับพักตัวในเดือน ธันวาคม ถึงเดือน กุมภาพันธ์ 6.4 การให้ปุ๋ย การให้ปุ๋ยแก่ต้นพลับ ควรแบ่ง 2 ครั้ง คือ ครั้งแรกให้เมื่อพลับเริ่มออกดอก โดยให้สูตร 13-13-21 อีกครั้งหนึ่ง ให้หลังจากเก็บเกี่ยวผลและตัดแต่งกิ่งแล้วโดยให้สูตร 15-15-15 สำหรับอัตราที่ใช้ก็แล้วแต่ขนาดและอายุของพลับ วิธีการให้ทำโดยพรวนดินรอบบริเวณทรงพุ่มตื้น ๆ ไม่ต้องลึกแล้วโรยปุ๋ยรอบ ๆ หลังจากนั้นก็ให้น้ำตาม บริเวณที่โรยปุ๋ยให้ทั่ว 6.5 การให้น้ำ พลับจะแตกตาและเริ่มเจริญเติบโตใหม่ในฤดูแล้ง คือ เดือน มีนาคมควรให้น้ำในฤดูแล้งบ้างจะทำให้ต้นพลับมีการเจริญเติบโตและการให้ผลผลิตดีขึ้น 6.6 การกำจัดวัชพืช ใช้วิธีการตัดหญ้าให้สั้นและคลุมโคนป้องกันวัชพืชหรืออาจจะปลูกพืชคลุมดิน เช่น ถั่วต่างๆ ช่วยควบคุมวัชพืชและบำรุงดิน 6.7 โรคและแมลง แมลงที่พบ ได้แก่ เพลี้ยไฟ เพลี้ยหอย แมลงวันทอง และแมลงกัด กินใบ 7. การเก็บเกี่ยวและการจัดการหลังการเก็บเกี่ยว ผลพลับสามารถเก็บเกี่ยวได้ประมาณกลางเดือน กรกฎาคม ถึงต้นเอนกันยายน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับพันธุ์ 7.1 ดัชนีการเก็บเกี่ยว จะพิจารณาจากลักษณะสีผิวของผล 7.2 วิธีเก็บเกี่ยวผล ให้ใช้กรรไกรตัดที่ขั้วผลให้หลุดจากกิ่ง จากนั้นตัดขั้วผลให้สั้นเพื่อป้องกันไม่ให้ทิ่มแทงผลอื่นเสียหาย และให้ส่วนของกลีบเลี้ยงติดอยู่ที่ผลด้วย 7.3 กรรมวิธีการขจัดความฝาด มีหลายวิธี เช่น การใช้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ การ ใช้สภาพสุญญากาศ การใช้น้ำปูนใส และ การใช้แอลกอฮอล์ เป็นต้น |
วันว่างๆๆๆๆๆๆ
วันพฤหัสบดีที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2555
การปลูกพลับ
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น