เทคนิคและวิธีการห่อมะม่วง

1.การปลิดผลทิ้งก่อนห่อ
ปลิดผลที่รูปทรงผิดปกติ เช่น อกบุม บิดเบี้ยว ผิวลาย ผลเล็กต่างกันมาก สีเหลือง ควรเหลือไว้ต่อช่อประมาณ 2 ผลการห่อผลควรเลือกห่อเฉพาะผลที่สวย และรูปทรงปกติ ควรห่อ 1 ผลต่อ 1 ถุงเท่านั้น (เพื่อการส่งออก)เพื่อป้องกันผิวมะม่วงเสียดสีกันผิวไม่สวย ถ้าจะบริโภคเองหรือขายตามตลาดทั่วไปก็ห่อได้หลายผลต่อถุง แต่ถ้าห่อผลที่ผิดปกติดังกล่าวข้างต้น ถึงท่านจะห่อก็เสียทั้งเงิน ทั้งเวลา เพราะสุดท้ายผลก็หลุดร่วงอยู่ข้างในถุง ไม่เชื่อก็ลองดูก็แล้วกัน
2.การห่อผลมะม่วง
เพื่อป้องกันผิวมะม่วงเสียดสีกันหรือกระแทกกับกิ่ง ป้องกันโรคและแมลง ทำให้สีผิวสวย ลูกมีขนาดโตขึ้น วัสดุห่อผลทั่วไปนิยมใช้ กระดาษหนังสือพิมพ์ ถุงพลาสติกสีขุ่น ถุงกระดาษคาร์บอน ซุนฟง

มะม่วงโชคอนันต์ มะม่วงอกร่อง เขียวเสวย เขียวมรกต มันขุนศรี แรด แก้ว ฯลฯ
ใช้กระดาษหนังสือพิมพ์ก็ได้ หรือจะใช้ถุงพลาสติกสีขุ่น แต่เชื่อหรือไม่ว่าถ้าใช้กระดาษคาร์บอนห่อราคาจะแพงกว่าใช้กระดาษหนังสือพิมพ์กิโลกรัมละ 5-6 บาท เลยทีเดียว ผิวมะม่วงที่ใช้กระดาษคาร์บอนห่อสีจะออกเขียวนวลสวยงาม ราคาถุงกระดาษคาร์บอน 1.50 บาท ต่อถุง
มะม่วงมหาชนก มะม่วงอาร์ทูอีทู

3.ระยะเวลาในการห่อ
ความยาวของผลตั้งแต่ 10 เซนติเมตร หรือยาวกว่าไฟแช็คขึ้นไป ข้อควรระวังอย่าตัดก้านช่อหรือก้านใบที่เกะกะออกเพราะจะทำให้ยางติดผลมะม่วง
4.ก่อนห่อผล
ควรพ่นสารเคมีกลุ่ม ออร์กาโนฟอสเฟต ชื่อการค้าทั่วไปในท้องตลาด เช่น มาลาไธออน ซอสตา ยิบไธออน ดอล-เอฟ เพื่อป้องกันการกำจัดแมลงวันทอง เพลี้ยหอย เพลี้ยแป้ง เพลี้ยจักจั่นช่อมะม่วง หลังจจากนั้นจึงห่อผล นับจากห่อมะม่วงประมาณ 60 วัน เก็บผลผลิตได้ วิธีการสังเกตการสุกแก่ของมะม่วงน้ำดอกไม้สีทอง คือปลายผลจะมีสีเข้มกว่าผล และมะม่วงทั่วไปนำไปจุ่มน้ำ ผลจะจมดิ่งในน้ำ ไม้กระดกตะแคง แปลว่ามะม่วงแก่แล้ว จึงเก็บมาบ่มได้ หรือจะวางไวในตะกล้าบนโต๊ะอาหาร ก็สามารถใช้ประดับได้ แล้วเขาจะค่อยๆหอมและสุกใน 4-5 วันจ๊ะ
สารเคมีที่ห้ามใช้
ไซเปอร์เมทริน อะบาเม็คติน ไดโนทีฟูแรน คาร์โบซัลแฟน คลอไพรีฟอส

โพรพิโคนาโซล
ขนาดของผลมะม่วงเพื่อส่งออก
2S 225 – 249 กรัม
S 250 – 279 กรัม
M 280 – 329 กรัม
L 330 – 379 กรัม
2L 380 – 449 กรัม
3L 450 กรัมขึ้นไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น